นักวิชาการ เครือข่ายทางนโยบาย 6.
เครือข่ายปฏิรูปที่ดินภาคอีสาน /ชัยภูมิ (รับอาสาสมัคร 1 คน) รายละเอียดเพิ่มเติมคลิก 2. โครงการขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะด้านทรัพยากรแร่ /หนองบัวลำภู THE PROJECT FOR PUBLIC POLICY ON MINERAL RESOURCES (PPM) 3. กลุ่มพัฒนาแรงงานสัมพันธ์ตะวันออก /ชลบุรี 4. สหพันธ์เกษตรกรภาคใต้(สกต. ) /สุราษฏร์ธานี Southern Peasants' Federation of Thailand (SPFT) (รับอาสาสมัคร 2 คน) รายละเอียดเพิ่มเติมคลิก 5. มูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา(พชภ. ) /เชียงราย 6. มูลนิธิเพื่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม /เชียงใหม่ 7. ศูนย์พิทักษ์และฟื้นฟูสิทธิชุมชนท้องถิ่น (ศพช. ) /เชียงใหม่ (รับอาสาสมัคร 1 คน) รายละเอียดเพิ่มเติมคลิก 8. มูลนิธิเกษตรกรรมยั่งยืน(ประเทศไทย) /นนทบุรี 9. Biothai: มูลนิธิชีววิถี /นนทบุรี 10. เครือข่ายเพื่อสิทธิแรงงานข้ามชาติ /สมุทรสาคร 11. มูลนิธิเครือข่ายเพื่อนกะเทยเพื่อสิทธิมนุษยชน /กรุงเทพฯ The foundation of transgender alliance for human rights 12. สมาคมนักกฏหมายสิทธิมนุษยชน /กรุงเทพฯ Human Rights Lawyer Association (HRLA) 13. มูลนิธิเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน /กรุงเทพฯ 14. ชมรมนักข่าวสิ่งแวดล้อม/กรุงเทพฯ 15.
รณรงค์เผยแพร่ความรู้ และการศึกษาในเรื่องเกษตรกรรมยั่งยืน ความมั่นคงทางอาหารและสัมพันธ์อันดีระหว่างผู้ผลิตกับผู้บริโภคแก่สาธารณะชน 4. การประสานความร่วมมือกับองค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ผลักดันนโยบายเกษตรกรรมยั่งยืน และประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง 5.
มูลนิธิเพื่อพนักงานบริการ (Swing Thailand) /กรุงเทพฯ 16. ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน /กรุงเทพฯ Thai Lawyers for human Rights 17. อไซลัมแอคเซส ประเทศไทย /กรุงเทพฯ ชวนร่วมบริจาคสมทบทุน เพื่อส่งต่อการแบ่งปัน สนับสนุนกิจกรรมอาสาสมัครเพื่อสังคม สามารถบริจาคได้ที่บัญชี "กองทุนมูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม โดยมูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม" ธนาคารไทยพาณิชย์ บัญชีออมทรัพย์เลขที่ 075-2142483 โครงการของ มอส. โครงการอาสาสมัครนักสิทธิมนุษยชน โครงการพัฒนาคนรุ่นใหม่เพื่อการเปลี่ยนแปลงสังคม โครงการพลเมืองอาสา โครงการแลกเปลี่ยนสหรัฐอเมริกา โครงการอาสาสมัครนักวิจัย PAR โครงการอาสาสมัครเพื่อสังคมร่วมสร้างชุมชนยั่งยืน (อาสาคืนถิ่น) โครงการเสริมสร้างพัฒนาศักยภาพองค์กรทำงานด้านเด็กและเยาวชนเพื่อสร้างพลังพลเมืองเข้มแข็ง (Young Move). ติดตามเรื่องราวของ มอส. คลิ๊ก Facebook Twitter และ Youtube กลับสู่หน้าหลัก นักสิทธิมนุษยชน รับอาสาสมัคร
55 ล้านครัวเรือนใน พ. 2531 เหลือ 418, 000 ครัวเรือนใน พ. 2550) และทุพภิกขภัยเด็กลดลงอย่างมาก (จาก 17% ใน พ. 2530 เหลือ 7% ใน พ. 2549) ซึ่งสามารถบรรลุได้ (ก) ผ่านการผสมระหว่างบทบาทอันเข้มแข็งและเชิงบวกของรัฐในการประกันการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน การศึกษาและการเข้าถึงเครดิต และ (ข) การริเริ่มภาคเอกชนที่ประสบความสำเร็จในภาคธุรกิจเกษตร เหล่านี้ได้สนับสนุนให้ไทยเปลี่ยนผ่านเป็นเศรษฐกิจแบบอุตสาหกรรมได้สำเร็จ ช่างเปลี่ยนแปลงด้านเกษตร เกษตรกรรมสามารถขยายตัวได้ระหว่างคริสต์ทศวรรษ 1960 และ 1970 เมื่อสามารถเข้าถึงที่ดินใหม่และแรงงานว่างงาน [1] ระหว่าง พ. 2505 ถึง 2526 ภาคการเกษตรโตขึ้นเฉลี่ย 4. 1% ต่อปี และ พ. 2523 ภาคเกษตรมีถึง 70% ของประชากรทำงาน กระนั้น รัฐยังรับรู้ถึงพัฒนาการในภาคเกษตรว่าจำเป็นต่อการกลายเป็นอุตสาหกรรม (industrialization) และการส่งออกถูกเก็บภาษีเพื่อรักษาราคาภายในประเทศให้ต่ำและเพิ่มรายได้แก่การลงทุนของรัฐในเศรษฐกิจภาคอื่น [1] เมื่อมีการพัฒนาในภาคอื่น แรงงานจึงออกไปแสวงหางานในเศรษฐกิจภาคอื่น และการเกษตรถูกบีบให้ใช้คนน้อยลงและเป็นอุตสาหกรรมมากขึ้นโดยได้รับความสะดวกจากกฎหมายของรัฐซึ่งบังคับให้ธนาคารออกเครดิตราคาถูกให้แก่ภาคเกษตร และได้รับเครดิตของตนผ่านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร รัฐยังลงทุนในการศึกษา ชลประทานและถนนชนบทต่อไป ผลคือ การเกษตรเริ่มเติบโตที่ 2.
ศ. 1543 วัฒนธรรมการผลิตข้าวเหนียวของชาวไทเป็นตัวกำหนดโครงสร้างการบริหารในสังคมที่เน้นการปฏิบัติซึ่งผลิตส่วนเกินที่สามารถจำหน่ายได้ จวบจนถึงปัจจุบัน ระบบดังกล่าวได้รวมเป็นหนึ่งกับความมั่นคงของชาติและความอยู่ดีกินดีทางเศรษฐกิจ อิทธิพลของชาวจีนและชาวยุโรปก่อให้เกิดธุรกิจการเกษตรและเริ่มต้นความต้องการที่ทำให้เกิดการขยายตัวของเกษตรกรรมผ่านการเพิ่มจำนวนของประชากรจนกระทั่งดินแดนที่เข้าถึงได้ขยายออก พัฒนาการล่าสุดในทางเกษตรกรรม หมายความว่า นับแต่คริสต์ทศวรรษ 1960 การว่างงานได้ลดลงจากกว่า 60% เหลือต่ำกว่า 10% ในต้นคริสต์ทศวรรษ 2000ในสมัยเดียวกัน ราคาอาหารลดลงครึ่งหนึ่ง ความหิวโหยลดลง (จาก 2. 55 ล้านครัวเรือนใน พ. 2531 เหลือ 418, 000 ครัวเรือนใน พ. 2550) และทุพภิกขภัยเด็กลดลงอย่างมาก (จาก 17% ใน พ. 2530 เหลือ 7% ใน พ. 2549) ซึ่งสามารถบรรลุได้ (ก) ผ่านการผสมระหว่างบทบาทอันเข้มแข็งและเชิงบวกของรัฐในการประกันการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน การศึกษาและการเข้าถึงเครดิต และ (ข) การริเริ่มภาคเอกชนที่ประสบความสำเร็จในภาคธุรกิจเกษตร เหล่านี้ได้สนับสนุนให้ไทยเปลี่ยนผ่านเป็นเศรษฐกิจแบบอุตสาหกรรมได้สำเร็จ เกษตรกรรมช่วงเปลี่ยนผ่าน เกษตรกรรมสามารถขยายตัวได้ระหว่างคริสต์ทศวรรษ 1960 และ 1970 เมื่อสามารถเข้าถึงที่ดินใหม่และแรงงานว่างงาน ระหว่าง พ.