วันที่ 12 พ. ค. 2560 เวลา 07:19 น. โดย... เมธี เมืองแก้ว ในวิกฤต ใช่แต่เพียงต้องฟันฝ่าหาทางแก้ปัญหา แต่วิกฤตก็ย่อมแฝงโอกาส รอเพียงผู้ค้นพบเท่านั้น วิกฤตราคายางพาราตกต่ำตั้งแต่ช่วงปี 2556 เป็นต้นมา รัฐบาลส่งเสริมให้สถาบันเกษตรกรยางพารา โดยเฉพาะสหกรณ์สวนยางต่างๆ แปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าให้ผลผลิตยางพารา ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของธุรกิจหมอนยางพาราแบรนด์ NONG KROK โดยสหกรณ์กองทุนสวนยางบ้านหนองครก ต. หนองปรือ อ. รัษฎา จ. ตรัง ซึ่งเริ่มดำเนินการผลิตมาตั้งแต่ปี 2559 เพียงแค่ปีเดียว ยอดขายก็เรียกได้ว่าไปโลด รายได้ทะลุกว่า 20 ล้าน โดยเฉพาะการส่งออกไปยังตลาดประเทศจีนและ สปป.
ได้พยายามเสนอเรื่องไปยัง กยท. เพื่อขอความช่วยเหลือ โดย กยท. ก็รับปากว่าอาจจะช่วยเหลือโดยใช้วิธีรับจำนำหมอนยางพาราไว้ในราคาใบละ 200 บาท ซึ่งหากเรามีลูกค้าสามารถขายได้ในราคาที่สูงกว่าก็นำไปขายได้ แต่ขณะนี้ทาง กยท. จังหวัดตรัง และกยท. ส่วนกลาง ก็ยังเงียบ ยังไม่มีความคืบหน้าในเรื่องนี้แต่อย่างใด นอกจากนั้น ส่วนตัวก็ได้ทำหนังสือไปยังจังหวัดตรัง ทั้งผ่านสหกรณ์จังหวัด เกษตรและสหกรณ์จังหวัด การยางแห่งประเทศไทยจังหวัดตรัง และสำนักงานพาณิชย์จังหวัดตรัง แล้ว ขอให้ช่วยเหลือด้วยการจัดหาพื้นที่จำหน่าย ซึ่งตนเองก็พร้อมจะขายสินค้าที่มีอยู่ในสต๊อกทั้งหมด และยอมขาดทุน ในราคาต้นทุน คือ ใบละ 350 บาท จากราคาขายเดิม 550 บาท หรือหากเป็นราคาส่งจะขายในราคาใบละ 280 บาท เพื่อนำเงินมาหมุนเวียน แต่ทั้งนี้ ได้รับคำตอบว่ามีการประชุมในระดับจังหวัดโดยรองผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน แต่เรื่องก็เงียบอีกเช่นกัน จึงอยากเรียกร้องให้ กยท. แห่งประเทศไทย รวมทั้งจังหวัดตรัง หันมามองบ้าง ทั้งเรื่องการพักชำระหนี้ หรือให้จ่ายเฉพาะดอกเบี้ย รวมทั้งให้จัดหาตลาดจำหน่ายสินค้าในราคาถูก ทางสหกรณ์ก็พร้อมจะทำ เพื่อจะได้ทำเงินมาหมุนเวียน หรือเป็นทุนพัฒนาผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ ต่อไป อย่างไรก็ตาม ล่าสุด ทางสหกรณ์กองทุนสวนยางบ้านหนองครก ได้รับเงินทุนช่วยเหลือมาจากการยางแห่งประเทศไทยจังหวัดตรัง จำนวน 100, 000 บาท เพื่อนำมาแปรรูปผลิตภัณฑ์ตัวใหม่คือ ทำหน้ากากอนามัย แต่ขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ส่วนอื่นๆยังไม่มีช่องทางช่วยเหลือ
สหกรณ์กองทุนสวนยางบ้านหนองครก จำกัด เป็นสถาบันที่เกิดจากการรวมตัวกันของเกษตรกร ชาวสวนยาง เพื่อร่วมกันดำเนินธุรกิจโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้มีอำนาจในการต่อรองด้านราคารวมถึงความสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนและรับการสนับสนุนจากรัฐบาล และสามารถแก้ไขปัญหา ด้านรายได้ ค่าครองชีพของสมาชิกสหกรณ์ให้เกิดผลในระยะยาวโดยใช้ชื่อของหมู่บ้าน "บ้านหนองครก" ที่มีความเป็นมาว่าในหมู่บ้านมี "หนองน้ำคล้ายครกตำข้าวในสมัยก่อน" เป็นชื่อของสหกรณ์ สหกรณ์กองทุนสวนยางบ้านหนองครก จำกัด ได้จดทะเบียนเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2537 ตามความในพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ. ศ. 2511 เลขทะเบียนสหกรณ์ที่ ก 027137 ปัจจุบันมีสมาชิกทั้งสิ้น จำนวน 86 คน มีคณะกรรมการดำเนินการทั้งหมดจำนวน 4 คน มีทุนเรือนหุ้น 949, 490.
ยางที่เสียตัดเป็นชิ้นเล็กๆ-ผลิตเบาะ-หมอนหนุน-และหมอนข้าง ขั้นตอนการผลิตหมอนยางพารา ประธานสหกรณ์บอกว่าช่วงเริ่มต้นต้องศึกษาวิธีแปรรูปหมอนยางพารา โดยเดินทางไปดูตัวอย่างการทำหมอนยางพาราของโรงงานเอกชน จ. สมุทรสาคร แต่ไม่ให้ความรู้ หรือแนะนำ อะไรมากนัก "เราเข้าใจ กว่าจะผลิตได้ กว่าจะทำตลาดได้ เขาเหนื่อยยาก เขาจึงไม่อยากเปิด เพราะจะเป็นการเพิ่มคู่แข่ง" ก่อนจะเดินทางไปดูตัวอย่างใน จ. พัทลุง และปรึกษาขอความรู้จาก สถาบันวิจัยและพัฒนานวัตกรรมยางพารา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ โดยมี รศ. อาซีซัน แกสมาน แนะนำเทคนิคการผลิตเป็นอย่างดี แต่ด้วยความที่เป็นนักแปรรูปยาง "มือใหม่" ความชำนาญไม่มีเลย ทำให้เกิดความสูญเสียมาก "ทำครั้งแรกรูปแบบก็ไม่ได้ อุณหภูมิก็ไม่ได้ ยางเสียกองเป็นภูเขา เราก็โทรสอบถาม อ. อาซีซัน ตลอด กว่าจะได้เทคนิคลงตัว" หมอนยางพาราชุดแรกหลังผ่านการลองผิดลองถูก นำไปให้สมาชิกทดลองใช้ หน่วยงานราชการต่างๆ ในพื้นที่เมื่อรู้ว่ามีการทำหมอนยางพาราก็มาดู แล้วซื้อไปใช้ ซึ่งราคาต่ำกว่าหมอนยางพารายี่ห้อดังๆ แต่คุณภาพเทียบเท่ากัน หลังจากนั้นหน่วยงานราชการ อย่าง ธ. ก. ส. และ สกย.
รัษฎา และใกล้เคียงไม่ต้องหวั่นวิตกต่อราคาที่อาจจะตกต่ำในอนาคต ส่วนปัญหาที่พบคือ ในช่วงที่มีฝนตกหนัก เกษตรกรไม่สามารถกรีดยางพาราได้ หรือในช่วงฤดูกาลปิดกรีด ทำให้ทางสหกรณ์มีน้ำยางสดไม่เพียงพอในการผลิตหมอนยางพารา จึงต้องแก้ปัญหาด้วยการสั่งซื้อมาจากจังหวัดต่างๆ ที่ยังมีน้ำยางสด เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนกระบวนการผลิตต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ