จมูกบุ๋มที่คล้ายกับแอ่งกระทะ จมูกบุ๋มแบบนี้พังพืดที่หดรั้งจะมีมากกว่าแบบแรกเวลามองด้านข้าง อาจจะพบว่าปลายจมูกตัดปลายไม่พุ่งเหมือนก่อน โดยส่วนใหญ่แล้วการนวดจมูกจะช่วยให้ปลายกลับมาได้ ในระดับนึง เวลามองหน้าตรงอาจจะกลับมาดูปกติได้แต่เวลามองด้านข้างนั้น profile ด้านข้างจะดรอปลงค่ะ การแก้ไขในกรณีนี้ด้วยวิธีการผ่าตัด ยังแนะนำเป็นการแก้ไขโดยการนวดจมูกอย่างถูกต้องก่อนมาพบ แพทย์และ ผ่าตัดเสริมจมูกโดยใช้ซิลิโคน หรือใช้กระดูกอ่อนหลังหูช่วยเพิ่มปลายจมูกให้ดูมีมิติมากขึ้นได้เช่น เดียวกันกับจมูกบุ๋มวิธีแรกค่ะ 3.
เนื้อเยื่อเทียม ที่ใช้รองปลายเสริมจมูกคืออะไร? การเสริมจมูกกลายเป็นการศัลยกรรมขั้นพื้นฐานที่สาว ๆ หลายคนทำ และคนเสริมจมูกก็อยากได้จมูกแบบพุ่ง โด่ง แต่บางคนอาจจะไม่ได้คำนึงถึง ความปลอดภัย จึงทำให้เกิดปัญหาตามมา เช่น ปลายจมูกบาง ซิลิโคนทะลุ เพราะใส่ซิลิโคนมากจนเกินไป ซึ่งปัญหาเหล่านี้ นำไปสู่การถอดซิลิโคนออกไป หรือการแก้จมูกเพื่อเสริมด้วยซิลิโคนใหม่เข้าไป และอีกหนึ่งตัวช่วยเพื่อลดโอกาสการเกิดจมูกทะลุคือ การใช้เนื้อเยื่อเทียมรองปลายเสริมจมูกนั่นเองค่ะ 1. เนื้อเยื่อเทียม คือวัสดุที่สังเคราะห์ขึ้น มีลักษณะเป็นแผ่นนิ่ม ๆ คล้ายฟองน้ำ สามารถนำมาใช้เสริมเพื่อรองปลายเพื่อลดความเสี่ยงในการทะลุ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการแก้จมูกจากปัญหาผิวหนังบาง ใกล้ทะลุ หรือคนที่เสริมใหม่เเละต้องการให้มีปลายที่ยาวขึ้น และมีผิวหนังเดิมที่ค่อนข้างน้อยบาง หรือเคยผ่านการฉีดสารจำพวกฟิลเลอร์มาก่อน ซึ่งเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมผิวหนังจึงค่อย ๆ บางลงนั่นเอง เนื้อเยื่อเทียมนับเป็นวัสดุที่มีคุณภาพ ใช้กันอย่างแพร่หลาย ในบ้านเราเองก็เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเหมือนกัน แต่จะมีราคาค่อนข้างสูงอยู่สักหน่อย 2. เนื้อเยื่อเทียมคืออะไร เนื้อเยื่อเทียมผลิตมาจากเนื้อเยื่อ ที่ผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อด้วยรังสี และผ่านการทดสอบด้านน้ำเหลืองวิทยาแล้ว และเนื้อเยื่อเทียมยังคงโครงสร้างของผิวหนังไว้ได้ ทำให้มีการสร้างเส้นเลือดใหม่ การเติบโตของเส้นประสาท และการสร้างคอลลาเจน ดังนั้นจึงสามารถลดการทะลุของซิลิโคนจมูกได้ดีอีกด้วย 3.
ปัญหาที่ หมอมิว someko เจอบ่อยที่สุด! และเทคนิคในการแก้จมูก 6 ปัญหา ของคนเลยทำจมูกแล้วต้องแก้ 1.
ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (E. K. G) 2. การตรวจเลือดหาเอ็นไซม์ที่แสดงถึงการที่มีกล้ามเนื้อหัวใจตาย เช่น Troponin-T, Troponin-I, CK-MB 3. การตรวจเอ็กซเรย์ปอด 4. การตรวจคลื่นเสียงสะท้อนความถี่สูง (Echo-Doppler) การรักษา การรักษาภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเป็นการรักษาที่เร่งด่วน จำเป็นต้องรับการรักษาอยู่ในโรงพยาบาล 1-14 วัน ต้องอยู่ใน C. C. U. เพื่อติดตาม ดูการเต้นหัวใจอย่างใกล้ชิด เนื่องจากอาจเกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ ภาวะหัวใจล้มเหลวได้ ผู้ป่วยจะต้องรับออกซิเจนเพื่อให้กล้ามเนื้อหัวใจ ได้รับออกซิเจนเพิ่มขึ้น นอนพักบนเตียงเพื่อให้หัวใจทำงานน้อยที่สุด การได้รับยาต่างๆ เช่น ยาขยายหลอดเลือด ยาลดการทำงานของหัวใจ ยาต้านการเกาะตัวของเกร็ดเลือด ยาลดไขมัน ยาละลายลิ่มเลือด เป็นต้น การรักษาทันท่วงทีรวมทั้งการปฏิบัติการกู้หัวใจ และการเปิดหลอดเลือด ที่อุดตันให้เร็วที่สุดเพราะยิ่งเวลาผ่านไป (เกิน 6 ช. ม. )