4/5] มีเหนื่อย! เซลล์ขายรถยนต์ ปี 2020 written by คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก) average rating 2. 4 / 5 - 94 user ratings
ทักทายลูกค้าอย่างจริงใจ เป็นกันเองและสร้างความใกล้ชิดกับลูกค้า เป็นเรื่องเบสิกที่เซลล์ทุกคนต้องลงมือทำอยู่แล้ว การวางท่าหยิ่งยะโสตามมูลค่าของรถนั้นไม่ได้ช่วยให้เราขายดีขึ้นนึกเสมอว่าลูกค้าเดินเข้ามาเพื่อเอาเงินมาให้ เราต้องรีบเข้าไปทักทายและบริการทันที ไม่ว่าพวกเขาจะอายุเท่าไหร่ ดูมีตังหรือไม่มีตัง หรือแค่มาดูเฉยๆ เราก็ควรแสดงความเป็นมืออาชีพของการเป็นเซลล์ให้มากที่สุด 2. ต้องให้เกียรติลูกค้าเสมอ มีเรื่องเล่ามากมายเกี่ยวกับบางคนที่อาจแต่งตัวดูเหมือนไม่มีเงิน ไม่มีท่าทีว่าเขาจะซื้อรถยนต์ได้ คนเป็นเซลล์ที่ดีต้องมีใจบริการ ซื้อไม่ซื้อไม่สำคัญ ถ้าเป็นลูกค้าเดินเข้ามาต้องบริการให้ดีที่สุด พูดคุยให้ดีที่สุด แนะนำให้ดีที่สุด เอาใจใส่ให้ดีที่สุด ไม่ว่าสุดท้ายลูกค้าจะตัดสินใจซื้อรถยนต์หรือไม่ก็ตาม 3. ถามความต้องการของลูกค้าเพื่อนำเสนอให้แม่นยำ เซลล์ที่ดีควรมีไหวพริบในการถามคำถามที่ดีเพื่อประเมินลูกค้าเกี่ยวกับ กำลังซื้อ ความต้องการ งานที่ลูกค้าทำ หรือแม้แต่ผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ลูกค้าได้รับความสะดวกสบาย โดยการถามคำถามแต่ละครั้งควรบอกประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้จากที่เราถามด้วย 4. นำเสนอสินค้าให้ดูดีและมีความเป็นมืออาชีพ การนำเสนอรถที่ตรงตามความต้องการของลูกค้าและมีความเป็นมืออาชีพนั้นไม่ได้เป็นเทคนิคพิสดาร และควรให้ข้อมูลรถที่ลูกค้าต้องการมากขึ้นเป็นพิเศษเพื่อให้ลูกค้ารู้สึกว่ารถยนต์ที่เขากำลังดูและกำลังตัดสินใจอยู่นี้เป็นรถที่ดีและควรค่าแกการซื้อมากขึ้น 5.
อายุ 23 จบใหม่เงินเดือน = 15, 000-25, 000 อายุ 25 ย้ายงานตอนเก่ง = 45, 000-50, 000 อายุ 27 ย้ายงานขึ้นสู่ระดับผู้จัดการเริ่มต้น = 70, 000-100, 000 อายุ 30 ถูกซื้อตัวหรือหาเรื่องย้ายงานเป็นระดับ Head = 150, 000-250, 000 อายุ 33 เป็นระดับ C-Level เงินเดือน > 300, 000-500, 000
ในปี 2561 ตลาดรถยนต์เมืองไทยทำยอดขายเกิน 1 ล้านคันรวมทุกยี่ห้อ เกินกว่าคาดหมายที่คิดว่าจะอยู่ระดับ 920, 000 คัน ซึ่งก็คาดการณ์ไปถึงปี 2562 นี้ว่าจะมียอดขายที่ดีไม่แพ้กัน อย่างไรก็ตามยอดขายรถยนต์ในปี 2562 ตัวเลขของรถยนต์นั่งยอดขายลดลงกว่า 3. 2% มียอดขายประมาณ 384, 900 คัน ในกลุ่มรถกระบะก็มียอดขายลงลง 3.
อสังหาริมทรัพย์ ถึงแม้ว่าทีท่าของอสังหาริมทรัพย์จะดูขายได้น้อย แต่ต้องยอมรับว่ากระแส ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ก็ยังแรงอย่างต่อเนื่องทั้งอสังหาริมทรัพย์มือหนึ่ง และอสังหาริมทรัพย์มือสอง ก็ล้วนแล้วแต่ได้ค่าคอมมิชชั่นดีทั้งนั้น การ ขายอสังหาริมทรัพย์ ไม่จำเป็นต้องขายได้หลายชิ้นต่อเดือน เพราะว่าบ้าน คอนโด และที่ดิน ถือเป็นสินค้าชิ้นใหญ่ ราคาสูง ต้องดำเนินการหลายขั้นตอน และขายได้ยาก ค่าคอมมิชชั่นก็จะแต่ต่างกันออกไป สำหรับอสังหาริมทรัพย์มือหนึ่ง ถ้าเป็นพนักงานขายประจำจะได้ค่าคอมมิชชั่นอยู่ที่ 0. 3 – 2% ถ้าเป็นพนักงานขายอิสระจะได้ค่าคอมมิชชั่นอยู่ที่ 3% และอสังหาริมทรัพย์มือสอง พนักงานประจำจะได้ค่าคอมมิชชั่นที่ 0. 2 – 1. 5% ถ้าเป็นพนักงานขายอิสระจะได้ค่าคอมมิชชั่นอยู่ที่ 2% สิ่งสำคัญของการเป็นพนักงานขายอสังหาริมทรัพย์คือการสร้างคอนเนคชั่นกลุ่มลูกค้าซื้อ-ขาย-เช่า เพราะลุกค้ากลุ่มที่เคยซื้อกับเราจะช่วยแนะนำให้เราได้รู้จักกับลูกค้าคนอื่นๆ ได้ โดยในการให้บริการเราต้องช่วยเหลือลูกค้าทุกเรื่องอย่างเต็มที่เช่นกัน 3. รถยนต์ รถยนต์ถือเป็นสินค้าในกลุ่มเดียวกับอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากเป็นสินค้าราคาสูง ต้องดำเนินการหลายเรื่อง และเป็นสินค้าที่ราคาตกได้ง่าย ทำให้ซื้อขายยาก แต่ก็ใช่ว่าจะขายไม่ได้เลย แถมยังเป็นสินค้าที่ขายดีมากทั้งรถยนต์มือหนึ่ง และรถยนต์มือสอง โดยค่าคอมมิชชั่นที่ได้จะแตกต่างกันตามประเภทของรถ และยี่ห้อ หากเป็นพนักงานขายรถยนต์มือหนึ่งแบรนด์ยุโรปก็จะได้รับค่าคอมมิชชั่นประมาณที่มากกว่าพนักงานขายรถยนต์มือหนึ่งแบรนด์ญี่ปุ่น และพนักงานขายรถยนต์มือสอง โดยจะได้รับค่าคอมมิชชั่นเป็นเปอร์เซ็นต์ หรือคิดเป็นคัน ก็ขึ้นอยู่กับการตกลง โดยค่าคอมมิชชั่นรถยนต์มือสองจะอยู่ที่คันละ 3, 000 – 5, 000 บาท 4.
รูปภาพจาก: Capkelenn รวมอาชีพพนักงานขาย ค่าคอมเยอะ รายได้สูง รวมอาชีพพนักงานขาย ค่าคอมเยอะ ที่บางรายมีทั้งฐานเงินเดือนและค่าคอมมิชชั่น โดยเฉพาะค่าคอมมิชชั่นนี่เองที่เป็นจุดแข็งของสายอาชีพ จะมีอาชีพอะไรบ้างที่ค่าคอมมิชชั่นสูงๆ แล้วมีข้อดีข้อเสียอะไรบ้างสำหรับอาชีพเหล่านี้ เพื่อที่ใครก็ตามที่กำลังสนใจและอยากเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งจะได้ศึกษาเป็นแนวทางพร้อมๆ กัน รูปภาพจาก: Mr. SEO 1.