เส้นประสาทและฟันจะหดตัว ในช่วงอายุ 40-50 ปี ฟันและเส้นประสาทของคนเราจะเริ่มหดตัว แต่ในเรื่องแย่ ๆ ก็ยังมีแสงสว่างให้อยู่บ้าง เพราะการที่เส้นประสาทรอบ ๆ ฟันหดตัว ก็จะทำให้เราเกิดความรู้สึกกับฟันน้อยลง บรรดาอาการเสียวฟันเมื่อกินของเย็น หรือรู้สึกเจ็บฟันเมื่อกัดอาหารแข็ง ๆ ก็จะไม่ค่อยเกิดขึ้นแล้วล่ะ 9. เตี้ยลง ส่วนสูงของคนที่อายุมากขึ้นจะมีการเปลี่ยนแปลงไปด้วย โดยจะเตี้ยลงเนื่องจากกระดูกหดตัว หรือเริ่มมีรูปทรงโค้ง โดยเฉพาะช่วงกระดูกสันหลัง ทำให้บางคนมีภาวะหลังค่อมเมื่อแก่ตัวลงด้วย 10. ประสาทการรับกลิ่นและรสเริ่มเสื่อม บางคนอาจจะสังเกตได้ชัดเจนเลยว่าตัวเองเริ่มกินเค็มมากกว่าเดิม กินหวานมากกว่าเดิม เพราะประสาทการรับรสทำงานไม่ค่อยเต็มประสิทธิภาพเหมือนก่อน นั่นก็เพราะว่า เมื่ออายุมากขึ้น ประสาทการรับรู้ต่าง ๆ จะเริ่มทำงานน้อยลง และอาจมีเสื่อมไปบ้างในบางจุด 11. เป็นหวัดน้อยลง หนึ่งในเรื่องดี ๆ ของวัยกลางคน คือเราผ่านร้อนผ่านหนาวมาพอสมควร ดังนั้นพวกไวรัสหวัด หรือไวรัสความรุนแรงน้อย ๆ ที่ทำให้เกิดอาการป่วยกระเสาะกระแสะ บอกเลยว่าเจ้าไวรัสพวกนี้แทบจะทำอะไรเราไม่ได้ง่าย ๆ เหมือนเดิมแล้วล่ะ 12. ความอ่อนแอของข้อต่อ แน่นอนว่าเมื่อเราอายุมากขึ้นความแข็งแรงของข้อต่อ กระดูก หรือแม้แต่กล้ามเนื้อย่อมถดถอย เป็นสัญญาณที่บอกให้รู้ว่าอายุเราไม่น้อย และสังขารเราไม่เที่ยง ดังนั้นหากจะเกิดอาการเจ็บข้อเข่า ข้อเท้า ข้อต่อต่าง ๆ มากกว่าเดิม ก็ถือเป็นเรื่องปกติของวัยกลางคนนะจ๊ะ 13.
พ. รอบเดือนก่มาปกติค่ะ แต่พอเดือนมี. ค. รอบเดือนยังไม่มาเลย แบบนี้มีโอกาศท้องไหมค่ะ หวาน (15 มีนาคม 2560 เวลา 14:13:11) ความคิดเห็นที่ 726 คือว่าประจำเดือนมาวันที่6-10 ก. พ แร้วไปมีไรกับแฟนวันที่14 ก. พ หลังจากนั้นประมาน 7 วัน ประจำเดือนมารอบที่2 ของเดือน พอเดือน มี.
อ้วนง่าย การรักษารูปร่างให้ยังเป๊ะปังดูเป็นเรื่องที่ยากลำบากกว่าสมัยสาว ๆ หนุ่ม ๆ อย่างเห็นได้ชัด ด้วยฮอร์โมน ความเครียด และระบบเผาผลาญที่ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพดังเก่า ทำให้น้ำหนักตัวของคนวัน 40 ปี ขึ้นง่าย ลงยาก ดังนั้นพยายามควบคุมอาหารให้ดี และหมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะดีที่สุด 17. หลงลืม เมื่ออายุมากขึ้นจะสังเกตเห็นได้ชัดเลยว่าเราจะเริ่มมีอาการหลงลืม บางทีก็มึนงง สับสนไปบ้าง โดยอาการดังกล่าวจะเรียกว่า ภาวะ brain fog ซึ่งหมายถึงภาวะการทำงานของกระบวนการคิด การรับรู้ และสมาธิทำงานผิดปกติไป 18. มีเหตุผลน้อยลง มนุษย์ป้า มนุษย์ลุง คำนี้เริ่มอยู่ใกล้ตัวเรามากขึ้น โดยงานวิจัยที่ตีพิมพ์ใน British Medical Journal เผยว่า ทักษะการใช้เหตุผลของคนเราจะดรอปลง 3. 6% ในช่วงอายุ 40-50 ปี เนื่องจากการทำงานของสมองจะช้าลง สารเคมีต่าง ๆ รวมไปถึงฮอร์โมนในร่างกายก็มีการเปลี่ยนแปลงไป 19. ผมเริ่มบาง แต่ขนดกขึ้นมาซะงั้น แม้ผมจะร่วงจนศีรษะบางอย่างน่าใจหาย แต่ในส่วนอื่น ๆ กลับมีขนงอกขึ้นมาหน้าตาเฉย ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติของคนอายุ 40 ปี ทั้งในผู้ชายและผู้หญิง ทั้งนี้ในผู้ชาย ขนมักจะขึ้นนส่วนหลัง จมูก และใบหู ส่วนในผู้หญิง คนจะขึ้นบริเวณใบหน้าเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง แต่ฮอร์โมนเทสโทสเทอโรนหรือฮอร์โมนผู้ชายเพิ่มขึ้นนั่นเอง 20.
5 mIU/L แต่ในสตรีตั้งครรภ์ ค่าปกติจะแตกต่างกันตามอายุครรภ์ คือที่ไตรมาสแรก ควรจะน้อยกว่า 2. 5 mIU/L ไตรมาสสอง น้อยกว่า 3mIU/L และ ไตรมาสสาม น้อยกว่า 3.
เหงื่อออกน้อย ต่อมเหงื่อที่หดตัวลงคือสาเหตุที่ทำให้คนอายุ 40 ปี มีเหงื่อออกน้อยกว่าเดิม ซึ่งจะเห็นได้ชัดในเพศชายมากกว่าเพศหญิง เนื่องจากผู้หญิงก่อนวัยหมดประจำเดือนอาจมีอาการรสะบัดร้อนสะบัดหนาว และมีเหงื่อออกมากกว่าปกติ 21. เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวหนาว ฮอร์โมนที่ผิดปกติส่งผลให้การไหลเวียนโลหิตผิดปกติไปด้วย โดยเฉพาะเพศหญิงวัยก่อนหมดประจำเดือน อาการร้อน ๆ หนาว ๆ จะเกิดขึ้นกับคุณบ่อย พาลให้รู้สึกไม่สบายตัวและหงุดหงิดกับอาการแปลก ๆ ของร่างกายด้วย 22. ความต้องการทางเพศลดลง เนื่องด้วยฮอร์โมนเพศที่ลดลง ทำให้อารมณ์ทางเพศก็ลดน้อยลงไปด้วย ในผู้หญิงช่องคลอดก็จะแห้ง น้ำหล่อลื่นไม่ค่อยจะมี ความอยากมีกิจกรรมทางเพศก็พลอยเหือดแห้งไม่ไวไฟเหมือนสมัยสาว ๆ ทางด้านผู้ชาย ฮอร์โมนเพศชายก็ลดลงเช่นกัน ทั้งนี้โดยเฉลี่ยแล้วฮอร์โมนเพศชายจะลดลง 1% ทุก ๆ ปี ตั้งแต่อายุ 30 ปีขึ้นไป การผลิตสเปิร์ม ความหนาแน่นของกล้ามเนื้อในเพศชายก็จะลดลงทีละน้อย ๆ 23. เริ่มกลั้นปัสสาวะยาก ผลการศึกษาจาก National Institute of Health เผยว่า ความสามารถในการย่อยโปรตีนแลคโตสของคนอายุ 40 ปี จะลดลง อ้างอิงจากอาสาสมัครที่ผ่านการทดสอบความสามารถในการย่อยโปรตีนแลคโตส พบว่า 65% ของร่างกายอาสาสมัครมีความทนต่อการย่อยโปรตีนแลคโตสลดลง โดยทีมวิจัยอธิบายว่า เอนไซม์ที่ใช่ย่อยโปรตีนแลคโตสในร่างกายของคนอายุ 40 ปีขึ้นไป มีปริมาณลดลง ทำให้ความสามารถในการย่อยโปรตีนชนิดนี้ลดน้อยลงด้วย 25.
จ.
A: ภาวะถุงน้ำในรังไข่สามารถรักษาได้ โดยวินิจฉัยเบื้องต้นได้ด้วยการอัลตร้าซาวนด์ และรักษาด้วยการผ่าตัด โดยมี 2 วิธี คือ การผ่าตัดแบบส่องกล้อง และการผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้อง การผ่าตัดแบบส่องกล้องนั้นมีข้อดี ผู้ป่วยจะมีแผลเล็ก เจ็บน้อย และสามารถฟื้นตัวได้เร็ว ทั้งนี้ควรปรึกษาสูตินรีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับอาการของผู้ป่วย Q: ภาวะถุงน้ำในรังไข่ สามารถกลับมาเป็นซ้ำได้อีกหรือไม่? A: ภาวะถุงน้ำในรังไข่ มีโอกาสที่จะเกิดซ้ำอีก ขึ้นอยู่กับการดำรงชีวิตและการรับประทานอาหาร โดยควรมีการดูแลตนเองเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงและป้องกันตนเองจากภาวะนี้ โดยการลดความอ้วน ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ไม่เครียด เพราะจะส่งผลให้ฮอร์โมนผิดปกติ และควรเข้ารับการตรวจภายในเป็นประจำ คอยสังเกตตนเอง และรีบมาพบแพทย์เมื่อมีอาการผิดปกติของประจำเดือน หรือมีอาการปวดท้องที่ผิดปกติ แชร์บทความ บทความทางการแพทย์ ผู้หญิง